ตอนที่4 ชมโบสถ์สีทองที่เมืองแปดริ้ว

วัดปากน้ำโจ้โล้ จ.ฉะเชิงเทรา


    เมืองแปดริ้ว หรือ จังหวัดฉะเชิงเทรา ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่มีแหล่งท่องเที่ยวอยู่มากมาย โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนา ซึ่งก็มีวัดที่สำคัญๆ หลายแห่งเช่น วัดโสธรวรารามวรวิหาร ซึ่งประดิษฐานของหลวงพ่อโสธรที่โด่งดัง , วัดซำปอกง ที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต และวัดอื่นๆ อีกมาก และแน่นอนเมื่อเกริ่นขึ้นมาเช่นนี้ แหล่งท่องเที่ยวที่จะแนะนำกันก็คงหนีไม่พ้นวัดวาอารามนั่นเองครับ แต่วัดแห่งนี้ก็มีความพิเศษซ่อนอยู่ที่หาดูที่อื่นไม่ได้นะ

วัดปากน้ำโจ้โล้ จ.ฉะเชิงเทรา


    วัดปากน้ำโจ้โล้ อ. บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา  คือจุดหมายปลายทางที่พูดถึงครับ ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งของอุโบสถศิลปะล้านนา สีทองเหลืองอร่าม ที่ว่าสีทองนี้ไม่ได้หมายถึงแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวโบสถ์ แต่เป็นสีทองทั้งหลังทั้งด้านในและด้านนอกของตัวโบสถ์ ชนิดที่ว่าไม่มีสีอื่นเจอปนเลยแม้แต่น้อยครับ เรียกว่าในเวลากลางวันที่แสงแดดส่องต้อง ส่วนที่ถูกกระทบนั้นก็จะส่องประกายระยิบระยับ สวยงามจนบรรยายไม่ถูกกันเลยทีเดียว
    นอกจากนั้น ศิลปะต่างๆ ที่ถูกนำมาประดับตกแต่งตัวโบสถ์ ยังต้องบอกว่ามีความสวยงามด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นส่วนของซุ้มประตู กำแพงแก้ว โคมไฟ หรือแม้แต่ประติมากรรมที่อยู่รอบนอกของตัวโบสถ์ก็ยังมีความงดงามไม่แพ้กัน ซึ่งแน่นอนครับว่าส่วนที่นำมาประดับตกแต่งนี้ก็เป็นสีทองล้วนๆ ต่างส่องประกายราวกับจะประชันขันแข่งกันก็ไม่ปาน แน่นอนว่าส่วนด้านนอกตัวโบสถ์เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวพากันรัวชัตเตอร์เก็บภาพกันมากที่สุด เพราะมีแต่มุมสวยๆ ไม่ว่าจะมองไปทางไหน



วัดปากน้ำโจ้โล้ จ.ฉะเชิงเทรา

    เมื่อชื่นชมความงามของตัวโบสถ์จากทางด้านนอกจนเต็มอิ่ม ก็ถึงเวลาเข้าไปกราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ด้านในของตัวโบสถ์กันบ้าง  ซึ่งเมื่อก้าวเข้ามาภายในโบสถ์สิ่งแรกที่พบเห็นคือ พระประธานองค์ใหญ่สีทองเหลืองอร่าม ถัดมาด้านล่างเป็นพระบรมรูปประทับนั่งของพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อผู้เขียนกราบพระประธานแล้วจึงได้ทำการสักการะพระบรมรูปอีกครั้ง ก่อนจะไปที่ใต้ฐานพระประธาน เพื่อทำการลอดฐานองค์พระ เสริมสร้างความเป็นสิริมงคลกับชีวิต ตามคำแนะนำของคนในพื้นที่ เป็นอันจบการรีวิวในทริปนี้ครับ



    การเดินทางมายังโบสถ์สีทอง วัดปากน้ำโจ้โล้ ให้เริ่มจากตัวเมืองฉะเชิงเทรา แล้วขับรถมาตามถนนศุขประยูร แล้วเลี้ยวซ้ายที่กรมทหารราบที่ 11 มาตามเส้น 304 จากนั้นเมื่อถึงหมวดการทางบางคล้า ให้เลี้ยวซ้ายอีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่เส้น 3121 ขับตรงมาเรื่อยๆ เลี้ยวขวาที่ถนน ระเบียบกิจอนุสรณ์ ซึ่งถนนเส้นนี้จะต่อไปยังถนนวัฒนาปรีดา และถนน วนะภูติ  วัดปากน้ำโจ้โล้จะอยู่บนถนนเส้นนี้ โดยจะอยู่เยื้องกับโรงเรียนวัดปากน้ำครับ



ขอบคุณภาพจาก : FB วัดปากน้ำโจ้โล้
ขอบคุณแผนที่จาก : คุ้มวิมานดิน

   
   

ตอนที่3 ชมโบสถ์สแตนเลสกลางน้ำ จ.กาญจนบุรี

            

โบสถ์สแตนเลสกลางน้ำ จ.กาญจนบุรี

             เมืองกาญจนบุรี  หรือจังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในเรื่องของการท่องเที่ยว เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายไม่ว่าจะเป็นทางด้านของธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และศาสนา ซึ่งที่ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาแห่งหนึ่ง ที่มีความสวยงามแปลกตาหาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว รับรองว่าต้องถูกอกถูกใจกันอย่างแน่นอนครับ
  

โบสถ์สแตนเลสกลางน้ำ จ.กาญจนบุรี

             วัดปากลำขาแข้ง ตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำ ในเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี วัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งของโบสถ์ สแตนเลส ซึ่งถูกสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสเจริญพระชนม์พรรษาครบ 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันบริจาคเพื่อสร้างโบสถ์หลังนี้ขึ้น การก่อสร้างเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2542 และเพิ่งจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมานี่เองครับ
  
            แน่นอนว่าเมื่อเกริ่นถึง “โบสถ์แสตนเลส” สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ ย่อมหนีไม่พ้นตัวโบสถ์ ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ที่สร้างตัวโบสถ์ขึ้นจากสแตนเลสทั้งหลัง(แต่ภายหลังกลายเป็นต้นแบบให้อีกหลายวัดสร้างขึ้นตาม) โบสถ์แห่งนี้มีการก่อสร้างตกแต่งที่เหมือนโบสถ์ทั่วไปทุกอย่าง เพราะมีครบตั้งแต่ตัวโบสถ์ ซุ้มประตู ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ รวมถึงพระประธนที่ประดิษฐานอยู่ภายในตัวโบสถ์ ทุกส่วนได้ทำการแกะสลักตกแต่งเป็นลายไทยอย่างประณีต วิจิตรบรรจง (ขั้นตอนการแกะใช้วิธีปั๊มขึ้นมาทีละชิ้นส่วน แล้วนำมาประกอบกันภายหลัง) ลวดลายเหล่านี้ช่วยให้ตัวโบสถ์ซึ่งเป็นโลหะแข็งแกร่งดิบทึบ ดูอ่อนช้อยงดงามลงได้อย่างน่าประหลาดเลยทีเดียวครับ
 
โบสถ์สแตนเลสกลางน้ำ จ.กาญจนบุรี

           เมื่อย่างกรายเข้าสู่ตัวโบสถ์ พบว่าแทนที่จะร้อนอบอ้าว เพราะโลหะมักจะกักเก็บความร้อนได้ดี แต่กลับเย็นสบายไม่ต่างจากโบสถ์อื่นๆ ทั่วไปเลย จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ จึงได้รู้ว่า ด้านในของตัวโบสถ์บุด้วยแผ่นฉนวนกันความร้อน ซึ่งทำให้อากาศภายในตัวโบสถ์ระบายได้ดี ไม่ร้อนอบอ้าวอย่างที่หลายๆ คนคิดครับ

ตอนที่2 พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น เกริก ยุ้นพันธ์ อยุธยา

"พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น เกริก ยุ้นพันธ์"

  

       แหล่งท่องเที่ยวที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ ต้องบอกว่าอาจจะถูกอกถูกใจบรรดาลูกเด็กเล็กแดง หรือนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเที่ยวเป็นครอบครัวกันเป็นแน่เลยครับ เพราะว่ามันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยของเล่นหลากหลายชนิด รับรองว่าสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเจ้าตัวเล็กได้อย่างแน่นอนเลยเชียว


         พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น เกริก ยุ้นพันธ์ ตั้งอยู่ใน เขต ต. ท่าวาสุกรี อ.เมือง จ. พระนครศรีอยุธยา  โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นโดย รศ. เกริก ยุ้นพันธ์ ซึ่งท่านเป็น อาจารย์สอนในภาควิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ โดยได้ริเริ่มโครงการนี้เนื่องจากมีโอกาสไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ของเล่นในประเทศญี่ปุ่น จึงได้ตัดสินใจเก็บรวบรวมของเล่นเพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้นมา ก่อนจะเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2551







        โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นอาคารสีขาว 2 ชั้น และมี 2 ส่วนที่สำคัญ คือ
       1.ชั้นแรก เป็นชั้นที่เก็บรวบรวมเอาของเล่นในยุคโบราณ เช่น ในยุคสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์เท่าที่หาได้ เป็นต้นว่า ตุ๊กตาดินเผา กระปุกออมสินสมัยเก่า ปลาตะเพียนสาน (บางส่วนทำขึ้นมาใหม่) แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเก็บรวบรวมแค่ของเล่นนะครับ เพราะชั้น 1 ยังมีส่วนของเครื่องไม้เครื่องมือ ภาชนะ หนังสือ ฯลฯ ที่เป็นของเก่าเอาไว้ให้ได้ชมกันอีกด้วย เรียกว่าถ้าไปกันแบบครอบครัว จะปล่อยเจ้าตัวเล็กไว้กับของเล่นมุมหนึ่ง ส่วนคุณพ่อคุณแม่จะเดินมาดูของเก่าอีกมุมก็เป็นแผนที่ดีเหมือนกัน








 
       2.ชั้นที่สอง เป็นส่วนที่เก็บรวบรวมของเล่น ไม่ว่าจะเป็น ตุ๊กตาจากการ์ตูนเรื่องต่างๆ หุ่นยนต์ รถยนต์ จากยุคที่ไม่เก่ามากนักให้ได้ชมกัน ซึ่งนอกจากของเล่นเหล่านี้จะสวยงามน่าสัมผัสแล้ว ยังบอกถึงเรื่องราวความเป็นมาของของเล่นในยุคก่อนเกมคอมพิวเตอร์ ทำให้ผู้ที่ได้มาเยี่ยมเยือนรู้ได้ว่า เด็กๆ สมัยก่อนนั้นเขาเล่นของเล่นกันอย่างไร และมีรูปแบบของการเล่นกันแบบไหน ผู้เขียนลองสอบถามนักท่องเที่ยวหลายๆ คนที่มาเยี่ยมเยือน ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ของเล่นพวกนี้ทำให้พวกเขานึกถึงความทรงจำอันสวยงามในสมัยที่ยังเป็นเด็ก (รวมถึงผู้เขียนด้วยครับ) ดังนั้นถ้าจะบอกว่าพิพิธภัณฑ์ของเล่นสามารถสร้างความสุขให้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้ ก็คงจะไม่ผิดไปจากความจริงมากนัก
สำหรับการเดินทางมาเยี่ยมเยือนพิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น เกริก ยุ้นพันธ์ นั้นที่สะดวกที่สุดคือใช้ถนนโรจนะเส้น 309 (เริ่มต้นจากศาลากลาง จ. พระนครศรีอยุธยา) มุ่งตรงผ่านหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา , ผ่านศาลหลักเมือง แล้วเลี้ยวขวาที่ถนนคลองท่อ จากนั้นจึงเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนอู่ทอง , พิพิธภัณฑ์ฯ จะอยู่เยื้องกับโรงเรียนประตูชัย

เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ วัน อังคาร – อาทิตย์ เวลา 9.00 – 16.00 น.
ขอบคุณภาพจาก : พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น เกริก ยุ้นพันธ์

ตอนที่1 เศียรพระในรากโพธิ์ วัดมหาธาตุ อยุธยา

“เศียรพระในรากโพธิ์"


           โดยปกติแล้วเมื่อพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวแบบ Unseen สถานที่แรกที่เราจะนึกถึงคือจังหวัดอยุธยา เพราะที่นี่นั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่โบราณ มีคนรู้จักมากมาย ก็จะมีวัดวาอารารณ์ เก่าแก่ โบราณสถานมากมาย ติดๆกัน นับร้อยวัด ใครจะรู้บ้างว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่แห่งนี้จะมี สิ่งมหัศจรรย์ Unseen ให้ได้ชมกัน นั่นก็คือ “เศียรพระในรากโพธิ์” เป็นแหล่งอันซีนที่น่าไปเยี่ยมเยือนอีกสถานที่นึงเลยทีเดียว
                “เศียรพระในรากโพธิ์” ตั้งอยู่ในเขตวัดมหาธาตุ เกาะเมือง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่สันนิษฐานกันว่าเริ่มสร้างขึ้นในสมัยของพระบรมราชาธิราชที่ 1 หรือขุนหลวงพะงั่ว และสร้างต่อมาจนแล้วเสร็จในสมัยของพระเจ้าทรงธรรม วัดแห่งนี้ถือว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่ง ในช่วงที่กรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานี แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ถูกทำลายจนกลายเป็นซากปรักหักพังในช่วงการเสียกรุงครั้งที่ 2 (ปี พ.ศ. 2310)
                แน่นอนว่าสำหรับนักท่องเที่ยว ที่มาเยือนวัดเก่าแก่แห่งนี้ สิ่งที่เป็นสุดยอดไฮไลท์ ของการเดินทาง คือการเข้าชมเศียรพระพุทธรูปหินทรายศิลปะสมัยอยุธยา ที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในรากของต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ ซึ่งด้วยความเก่าแก่ของเศียรพระเอง , ต้นโพธิ์ต้นใหญ่ให้ร่มเงาทะมึน และซากของสิ่งก่อสร้างภายในวัดที่รายล้อมรอบบริเวณ ทำให้เกิดความสวยงามแปลกตาแก่ผู้ที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมอย่างมาก บ้างก็รู้สึกสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด นอกจากนั้นยังมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกด้วย(จากการสันนิษฐานของนักโบราณคดี เชื่อว่าแต่เดิมเศียรพระคงหล่นลงมาบริเวณโคนต้นโพธิ์ และด้วยกาลเวลาทำให้รากไม้ปกคลุม จนดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของต้นโพธิ์ไปเลย) เรียกได้ว่าสมศักดิ์ศรี Unseen ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้ความสนใจมากๆ เลยครับ


วัดมหาธาตุ จังหวัดอยุธยา
                นอกจากเศียรพระในรากโพธิ์ แล้ว อีกสิ่งที่ไม่ควรพลาดหากได้มาเยี่ยมเยือนวัดมหาธาตุคือ  การเที่ยวชมบริเวณวัด โดยมีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญได้แก่ พระปรางค์ขนาดใหญ่ (ปัจจุบันพังทลายลงหมดแล้ว) , เจดีย์แปดเหลี่ยม ,วิหารที่ฐานชุกชี , วิหารเล็ก , วิหารกลาง และตำหนักพระสังฆราช ซึ่งแม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเหลือแต่เพียงซากปรักหักพัง แต่ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงอดีตอันรุ่งโรจน์ไปด้วยแรงศรัทธา และความก้าวหน้าเรื่องศิลปวัฒนธรรมของบรรพบุรุษเราครับ นับว่าคุ้มค่ามากๆ ถ้าได้ไปเยี่ยมชม
                สำหรับการเดินทางมายังวัดมหาธาตุ อยุธยา นั้น สามารถไปได้หลายทาง แต่ทางที่สะดวกที่สุดคือ หากนักท่องเที่ยวอยู่ในตัวจังหวัด พระนครศรีอยุธยา ให้ใช้เส้นทาง 309 (ถนนโรจนะ) มุ่งหน้าไปทางมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา จากนั้นให้เลี้ยวขวาเข้าสู่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ที่บริเวณก่อนถึงหน้า ม. ราชภัฎพระนครศรีอยุธยา(ซอยชีกุน) เข้าสู่สวนสาธารณะพระราม ซึ่งวัดมหาธาตุอยู่บริเวณด้านหน้าของสวนแห่งนี้นั่นเองครับ
                ขอบคุณภาพจาก : ททท